กังวานของระฆัง
พุทธศักราช ๒๕๖๑
|
ระฆังสำริดวัดโพธิ์คลาน เมืองสุพรรณ สร้างสมัยพระเจ้าปราสาททอง(1) |
ประวัติศาสตร์ทางพุทธศาสนา
บอกเล่าความเป็นมาให้คนในวันนี้รับรู้ว่า “ระฆัง” มีการสร้างมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล
โดยนางวิสาขา อริยะบุคคลผู้ศรัทธาธรรมสำเร็จขั้นพระโสดาบัน
สร้างระฆังรายรอบพระอารามหลังฟังธรรม กังวานเสียงดุจการบอกกล่าวถึงปิติภาวะที่ได้กระทำ
เป็นที่จดจำและทำตามอย่างกันมา ปรากฏอยู่ทุกประเทศรัฐแคว้นที่นับถือศรัทธาในพุทธศาสนาทั่วโลก
เช่นเดียวกับ “สุวรรณภูมิ”
ระฆังปรากฏอยู่ทุกที่ที่พุทธศาสนาแผ่ผ่าน
ตั้งแต่ระฆังที่สกัดจากหินเป็นแผ่นกว้างใหญ่ด้านบนเจาะรูไว้สำหรับแขวนลอยตัว จนสมัยต่อมาผู้มีจิตศรัทธาสร้างระฆังหล่อด้วยโลหะสำริดเพื่อความแข็งแกร่งและคงทน
อานุภาคของโมเลกุลในเนื้อโลหะมีคุณสมบัติการใช้งานที่ดังก้องกังวานไปทั่วคุ้งน้ำย่านบาง
เป็นสัญญาณของวันใหม่ ระหว่างวัน และสิ้นสุดพลบเพลา อยู่คู่กับวัดวาอารามนับแต่อดีตมาถึงกึ่งพุทธกาล
ในตัวเมืองสุพรรณ พบระฆังใบใหญ่ที่วัดโพธิ์คลานอารามริมแม่น้ำ
ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๕ ซ.ม.สูง ๘๒ ซ.ม.เส้นรอบวงกว้าง ๑๔๑ ซ.ม.มีจารึกปรากฏอยู่รายรอบ
บ่งบอกว่า พุทธศักราช ๒๑๘๑ พระยารามกับออกหมื่นเทพ ข้าหลวงสมัยพระเจ้าปราสาททอง
ร่วมกับทายกทายิกา รวบรวมปัจจัยได้ ๑๕๐ ชั่งในการสร้างบุญ พร้อมกันนี้ได้ร่วมกันหล่อระฆังสำริดขึ้นถวายแด่พุทธศาสนา
เพื่อภายภาคหน้าหวังให้ได้พบพระศรีอาริย
สมัยรัตนโกสินทร์ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต
พฺรหฺมรํสี) สร้างหอระฆังที่วัดท่านฝั่งธนบุรี บอกบุญให้คนมาร่วม ใครศรัทธาบริจาคทรัพย์หรือกำลังแรงกาย
ท่านก็แจกพระสมเด็จฯวัดระฆัง เป็นสิ่งระลึกในเนื้อนาบุญ ผลบุญของผู้คนที่ศรัทธาในวันนั้น
ส่งผลให้ลูกหลานมีโอกาสครอบครองพระเครื่องอันทรงคุณค่าในวันนี้
เป็นเพียงอาทิตัวอย่างอันน้อยนิดของระฆังที่กระจายเดื่อนเกลื่อนแผ่นดิน
กังวานของระฆังมิใช่เป็นสิ่งปรุงแต่งให้ผู้ได้ยินเร่าร้อนหรืองุ่นง่าน หากยังเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผ่านไปสู่ภาวะจิตธรรมทั้งเพศบรรพชิต
และพุทธมามกะที่อาศัยอยู่รายรอบพระอาราม ต่างก็ใช้สัญญาณนี้ต่อการรำลึกในสัจธรรมแห่งการเวียนว่ายตายเกิด
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่เว้นแม้แต่ในสรรพสัตว์ ยังรวมถึงสุนัขที่หอนขาน ยังรับเอาโสตเสียงนี้เป็นวิถีร่วมกับผู้คน
อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน.
**********
(1) ภาพประกอบจาก ฐานจารึกข้อมูลประเทศไทย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินทร (องค์กรมหาชน)