พระสมเด็จฯวัดระฆัง
สองหน้า
พระสมเด็จฯวัดระฆัง พิมพ์สองหน้า
มีจำนวนการสร้างไม่มากนัก
ส่วนใหญ่ตกอยู่ในกลุ่มตระกูลเก่าแก่และเป็นสมบัติตกทอดกันมา แต่การพิจารณาพระสมเด็จฯสองหน้า
สามารถยึดหลักการที่ตรียัมปวายย้ำว่า
การจะพิจารณาพระสมเด็จฯวัดระฆังของแท้ให้ยึดหลักที่การดูเนื้อเป็นสำคัญ
เมื่อศึกษาเนื้อหาขององค์พระจนเข้าใจว่าองค์ใดแท้องค์ใดทำเลียนแบบก็จะเกิดความมั่นใจ
แต่หากจะเล่นหากันใหม่หมู่ผู้นิยมแล้ว
ก็ให้พิจารณารูปแบบพิมพ์ทรงที่ได้รับความนิยมยอมรับประกอบกันไป
สำหรับพระสมเด็จฯวัดระฆัง สองหน้า
องค์ที่นำมาลงนี้ เป็นพิมพ์ใหญ่นิยมทั้งสองด้าน
เป็นการสร้างโดยช่างผู้ทำการกดพิมพ์นำมามวลสารมากดลงในแม่พิมพ์แรกแล้วใช้แม่พิมพ์อีกองค์หนึ่งมาประกบหลังแทนการปาดตามปกติ
เมื่อเคาะองค์พระออกมาแล้วจึงได้พระสมเด็จฯวัดระฆังสองหน้า
โดยองค์พระสลับสวนทางกัน ตามแบบที่เรียกว่า “พระสวน” โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้องค์พระทั้งสองด้านมีความสมดุลระหว่างด้านบนและด้านล่าง
พระสมเด็จฯวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ ด้านหน้า |
ด้านหน้า
องค์พระประทับกลางซุ้มครอบแก้ว พระพักตร์กลมรี
พระเกศโคนใหญ่ปลายเล็กเฉียงไปทางด้านซ้ายปลายสะบัดชนซุ้ม ข้างพระพักตร์ปรากฏพระกรรณด้านขวาองค์พระสูงกว่าด้านซ้าย
ลำพระองค์อวบแบบอกวี พระอังสา(ไหล่)ซ้าย
ยกสูงกว่าด้านขวา ท่อนพระพาหา(แขน)ซ้ายเล็กและหดตัวรัดเข้าไปใต้ท้องพระพาหา พานาภี(ท้อง)ผายออก
ตรงพระกัประ(ข้อศอก)ซ้ายองค์พระมีเส้นชายจีวรเฉียงลงไปชนกับพระชานุ(เข่า)ซ้าย
พระเพลาโค้ง ประทับนั่งบนฐานสามชั้น ส่วนเส้นซุ้มใหญ่หนาแบบเส้นขนมจีน
ใต้เส้นด้านในซุ้มเนื้อพระหดตัวเข้าหาเส้นซุ้มล่างจนกลมมน พื้นผิวทั่วไปไม่สม่ำเสมอ
มีคราบแป้งติดอยู่มากโดยเฉพาะในส่วนที่มือไม่สัมผัสถึง นอกจากนี้ด้านขอบมุมบนขวาองค์พระยังมีร่องรอยการยุบตัวของเนื้อพระที่เกิดจากเนื้อเก่าที่นำมาผสมกับเนื้อใหม่
พระสมเด็จฯวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ ด้านหลัง |
ส่วนด้านหลัง หรือหน้าที่ ๒
องค์พระเป็นแบบอกวีแต่เล็กกว่า พระพักตร์กลมรีเล็ก
โคนพระเกศใหญ่ปลายเล็กเฉียงขึ้นด้านซ้ายองค์พระไปจรดเส้นซุ้ม ในด้านนี้จะปรากฏร่องรอยการหดตัวของเนื้อพระเข้าด้านล่างโดยทั่วไป
ทั้งซอกพระพาหา เส้นซุ้มตอนบน และตอนล่างด้านขวาองค์พระ สำหรับสภาพผิวโดยรวมยังมีคราบแป้งทั่วทั้งพื้นองค์พระเช่นเดียวกับด้านหน้า
องค์พระทั้งสองด้าน
แม้จะต่างพิมพ์แต่ก็เป็นพิมพ์นิยมทั้งสองด้าน จุดสำคัญที่ทำให้ดูง่ายคือเนื้อพระแก่น้ำมันตั่งอิ้วทำให้ส่วนที่ถูกสัมผัสปรากฏความฉ่ำหรือหนึกนุ่มอย่างชัดเจน
วรรณะทั่วไปออกเหลืองอ่อนฉ่ำ ส่วนด้านข้างมีการตัดขอบชิด
และเข้าใจว่าช่างผู้ทำการกดพิมพ์ใช้นิ้วมือลูบขอบทั้งสี่ด้าน เนื้อจึงเรียบ
แต่ยังคงมีร่องรอยของการหดตัวทั้งเนื้อพระและส่วนผสมที่เป็นว่านเกสร
พระสมเด็จฯสองหน้านี้ หากผู้ศึกษาพิจารณาถึงเนื้อพระและพิมพ์ทรง
ก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก เมื่อมีโอกาสพบอย่ามองข้าม ควรพิจารณาให้ถ้วนถี่ เพราะบางทีไม่แน่ว่าท่านอาจได้ครอบครองสิ่งศักดิ์สิทธิ์อมตะล้ำค่า
ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในความครอบครองของชนชั้นสูงมาก่อนก็เป็นได้.