ปิดตาหลวงปู่จีน
พิมพ์แข้งหมอนใหญ่
ประวัติความเป็นมาของหลวงปู่จีน
มีเพียงคำบอกเล่าสืบต่อกันมาว่า ท่านเกิดในราวปีพ.ศ.๒๓๕๗ เมื่ออุปสมบทแล้วท่านธุดงค์จาริกเรื่อยมาจนถึงวัดท่าลาด
ใช้สรรพวิชชาที่ร่ำเรียนมาสั่งสอนและรักษาผู้คนจนชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วแปดริ้ว
ต่อมาชาวบ้านร่วมกันอาราธนาให้ท่านปกครองวัดสืบมาตั้งแต่ราวปีพ.ศ.๒๓๙๗
จนถึงพ.ศ.๒๔๔๐ ได้มรณกรรมที่วัดท่าลาดนั่นเอง
ตลอดการครองวัดท่าลาด
นอกจากเมตตาช่วยเหลือผู้คนแล้วท่านได้สร้างพระปิดตา
และเครื่องรางของขลังอีกหลายอย่าง แจกจ่ายให้นำไปบูชาใช้ติดตัว เช่นตะกรุด
ผ้ายันตร์ และสีผึ้งทาปาก เป็นต้น
ส่วนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเห็นจะเป็นพระปิดตา สร้างกันหลายพิมพ์เช่น
พิมพ์แข้งหมอน พิมพ์เม็ดกระบก พิมพ์กลีบบัว และพิมพ์ไม้ค้ำเกวียน
แต่ละพิมพ์ก็มีหลายแบบแยกย่อยออกไปอีก
สำหรับพระปิดตาองค์ที่นำมาลงนี้
เรียกว่า พระปิดตาพิมพ์แข้งหมอนใหญ่ สร้างจากเนื้อผงวิเศษและมวลสารอันเป็นมงคลแล้วใช้น้ำรักเป็นน้ำประสานที่เรียกกันว่า
“เนื้อผงคลุกรัก” พระปิดตาของท่านเป็นพระแบบเนื้อละเอียดเนียมนุ่มตาแต่หากใช้กล้องส่องที่พื้นผิวจะพบรอยยุบย่นและรูพรุนอยู่ทั่วไป
เป็นพระปิดตารูปทรงออกแบบง่าย ๆแต่แฝงพลัง และความเข้มขลังอยู่ในที
องค์พระเป็นแบบเศียรโล้น
พระกรรณ(หู)แนบข้างพระปราง(แก้ม) พระกรรณซ้ายสั้นกว่าด้านขวา
ส่วนของลำพระองค์ไม่ปรากฏ
พบแต่เพียงส่วนที่เป็นพระพาหาและวงพระกร(ต้นแขนถึงปลายแขน)มาบรรจบกันแบบพนมมือ
ปลายพระหัตถ์ชนอยู่ใต้พระหนุ(คาง)
จุดสังเกต พระพาหาหรือต้นแขนด้านขวาองค์พระค่อนข้างอวบกว่าด้านซ้าย
ใต้พระกัประ(ข้อศอก)ขวามีเส้นลางๆลงมาจรดพระชานุ(เข่า)
ซอกพระพาหาด้านขวากว้างและลึกกว่าด้ายซ้าย วงพระกรด้านซ้ายบางกว่าด้านขวา
พระเพลาด้านซ้ายหนากว่าด้านขวา และด้วยเอกลักษณ์ที่พระเพลาเป็นเส้นนูนติดกันเหมือนหมอนจึงเป็นที่มาของชื่อพิมพ์นั่นเอง
องค์พระประดิษฐานภายในเส้นซุ้มขยักเว้าตามรูปทรงพระ มีเนื้อส่วนเกินนอกซุ้มโดยรอบ
ส่วนด้านหลังองค์พระนูนอูม
ปัจจุบันพระปิดตาหลวงปู่จีน
วัดท่าลาด พิมพ์แข้งหมอนใหญ่ ได้รับความนิยมมากที่สุดพิมพ์หนึ่ง
และเป็นหนึ่งในเบญจภาคีพระปิดตา เช่นเดียวกับปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ปิดตาหลวงปู่ไข่
วัดเชิงเลน ปิดตาหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง และปิดตาหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว พระปิดตาของหลวงปู่จีนนี้บางองค์ถูกนำไปปิดทองทับหลังได้รับจากมือหลวงปู่จีน
จัดเป็นพระเครื่องหายากอีกองค์หนึ่งครับ.
ศึกษาเพื่อการอนุรักษ์วัตถุโบราณ
........จันทร์พลูหลวง............
*********