มหาอุตม์ตะกรุดโทน
หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว
ตามปกติพระปิดตาหลวงปู่ยิ้ม จันฺทโชติ
วัดศรีอุปลาราม (วัดหนองบัว) ตำบลหนองบัว เขตเมืองกาญจนบุรี
เป็นหนึ่งในเบญจภาคีพระปิดตา
ที่ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ครั้งสมัยที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่
ปัจจุบันเป็นของหายาก ส่วนใครที่ครอบครองต่างก็หวงแหน
สำหรับพระปิดตาที่นำมาลงไว้นี้
มีความพิเศษกว่าองค์อื่น ตรงที่เป็นพระปิดตาภควัมปติ พิมพ์ชะลูดนิยม แต่พันเชือกมงคลเป็นมหาอุตม์
ผูกติดกับตะกรุดดอกใหญ่
ส่วนตะกรุด เป็นตะกรุดหวายพอกเนื้อผงคลุกรัก
ซึ่งเป็นเนื้อเดียวกับพระปิดตา รวมถึงด้ายควั่นที่ถักเป็นเส้นเชือกก็เคลือบเนื้อผงคลุกรักเช่นกัน
แนวของเส้นเชือกที่พาดผ่านองค์พระ มีผลให้องค์พระปิดตากลายเป็นมหาอุตม์หรือพระปิดทวารทั้งเก้าไปในตัว
ด้านหลังดอกตะกรุดพันเชือกมงคล |
ตามตำนานเล่ากันว่า
เนื้อของพระปิดตาหลวงปู่ยิ้มสร้างจากผงว่านพุทธคุณ ๑๐๘ ผสมคลุกเคล้ารักและยางไม้
จนเกิดความเหนียวข้น แล้วปั้นก้อนกลมกดลงในแม่พิมพ์ที่ออกแบบอย่างง่าย ๆ
แต่มีความเข้มขลังอยู่ในตัว เมื่อนำองค์พระไปตากจนแห้งดีแล้ว
จึงนำมาประกบตรงกลางดอกตะกรุดหวายที่เคลือบผงคลุกรักมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑
ซ.ม.ยาว ๗ ซ.ม.แล้วพันด้วยเชือกด้ายควั่นให้องค์พระติดสนิทก่อนพันปลายเชือกทั้งสองด้านไปตามตะกรุดหวายทั้งด้านบนและด้านล่าง
แล้วนำไปชุบรักอีกครั้งเพื่อให้ทุกส่วนติดแนบสนิทกันยิ่งขึ้น ตัวตะกรุดหวายเมื่อผ่านการพอกเนื้อผงคลุกรักแล้วจะมีความยาวเพิ่มขึ้นเป็น
๗.๒ ซ.ม.
ตำรับการสร้างพระปิดและเนื้อผงพอกตะกรุดนี้
เชื่อว่าเป็นสูตรเดียวกับการสร้างพระตระกูลสมเด็จฯ พระปิดตาของหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์
รวมถึงตะกรุดพอกผงโสฬส ของหลวงปู่เอียม วัดสะพานสูง
แตกต่างกันที่ส่วนผสมหรือกระบวนการทำที่มีลักษณะเฉพาะตัวของอริยสงฆ์แต่ละรูป เมื่อผ่านกาลเวลามากว่า
๑๐๐ ปี เนื้อพระปิดตา รวมถึงเนื้อตะกรุดที่พอกด้วยผงวิเศษ จะเกาะติดและหดตัวจนย่นยับเป็นแบบหนังช้าง
ซึ่งลักษณะเดียวกันนี้ก็ปรากฏอยู่ในพระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์
และปิดตาของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง เช่นกัน จัดเป็นเนื้อพระและตะกรุดที่เก่าแก่หายากที่สุดในบรรดาพระพิมพ์สมัยโบราณ
ภาพแสดงด้านหน้าและด้านข้าง |
การสร้างพระปิดตาและตะกรุดรวมกันนี้
เชื่อว่าเป็นการสร้างให้วัตถุมงคลมีคุณสมบัติ เป็นเมตตามหานิยม แคล้วคลาด และมหาอุตม์
ปกป้องคุ้มครองภัยไปพร้อมกัน มีการบอกเล่าสืบทอดกันมาว่า พระปิดตาตะกรุดของหลวงปู่ยิ้มชุดนี้
สร้างขึ้นจำนวนหนึ่งเพื่อ ให้นำไปใช้แก่บรรดาทหารในกิจการป้องกันภัยแห่งชาติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในรัชสมัยล้นเกล้าฯรัชกาลที่
๕ เช่นในปีพ.ศ.๒๔๓๓ สยามมีข้อพิพาทกับอังกฤษจนต้องเสียฝั่งซ้ายแม่น้ำสาละวินให้แก่ประเทศอังกฤษ
เหตุการณ์ครั้งนั้นนับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ทั้งทางด้านรัฐศาสตร์
เศรษฐกิจ และทรัพยากรป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์
อีกครั้งในช่วงวิกฤติการณ์ร.ศ.๑๑๒ ที่สยามรับมือกับฝรั่งเศส
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ยืดเยื้อตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๔๒๙ จนถึงปีพ.ศ. ๒๔๓๖ ที่ฝรั่งเศสนำเรือรบฝ่าแนวต้านมาที่ปากน้ำสมุทรปราการ
เพื่อบีบบังคับให้สยามยกดินแดนในลาวให้ ในช่วงนี้เองที่บรรดาทหารและชาวเมืองบางกอก
ต่างเสาะหาพระเครื่อง เครื่องรางของขลังไว้ป้องกันภัย พระเครื่องในเจดีย์ต่าง ๆ
จึงถูกรื้อค้นอย่างหนัก หากเป็นฝ่ายทหารจะโชคดีหน่อยที่บรรดาพระสงฆ์องค์สำคัญ
ๆในเวลานั้นสร้างพระเครื่องกับเครื่องรางส่งเข้ามายังส่วนกลาง ให้นำไปใช้เป็นขวัญกำลังใจ
และพระมหาอุตม์ตะกรุดโทนของหลวงปู่ยิ้ม ชุดนี้ก็อยู่ในจำนวนนั้นด้วยเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ พระปิดตามหาอุตม์ตะกรุดโทนของหลวงปู่ยิ้มในลักษณะนี้
จึงไม่ค่อยปรากฏให้เห็นแพร่หลายกันเท่าใดนัก แต่หากใครได้รับตกทอดเป็นมรดก
ต่างก็ครอบครองบูชาอย่างหวงแหน มีโอกาสพบเห็นก็อย่าปล่อยให้หลุดมือไป
การพิจารณาพระเครื่องชุดนี้ให้ดูที่ความเก่าของเนื้อหาและการหดตัวของเนื้อผงคลุกรักที่มีผลทำให้เนื้อพระและผิวตะกรุดแลดูขรุขระ
หรือที่เรียกว่า”ย่นแบบหนังช้าง”ทั่วทั้งองค์ เป็นการย่นยับอย่างไม่เป็นระเบียบ
ด้วยเพราะเกิดจากการหดตัวตามธรรมชาตินั่นเอง.