พระราชฐานะ
ของกษัตริย์ในจารึกแผ่นทองแดง
วิญญู บุญยงค์
จารึกแผ่นทองแดง ภาพจาก:db.sac.or.th |
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่
๑๐ ถือเป็นยุครุ่งเรืองของกัมพูชามีกษัตริย์ปกครอง ๖ พระองค์ ในจำนวนนี้
มีพระเจ้าชัยวรมันที่ ๔ (พ.ศ.๑๔๗๑-๑๔๘๕)ครองราชย์โดยเข้ายึดกรุงยโสธร และแย่งชิงราชสมบัติจากพระเจ้าอีศานวรมันที่
2 (พ.ศ.๑๔๖๕-๑๔๗๑) หลังจากนั้นทรงย้ายเมืองหลวงไปตั้งใหม่ที่เกาะแกร์ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
หลังสิ้นรัชกาลพระราชโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์ต่อทรงพระนาม "พระเจ้าหรรษาวรมันที่ ๒"
พระเจ้าหรรษาวรมันที่
๒ พระองค์นี้เอง ที่อาจเป็น “พระเจ้าศรีหรรษาวรม” ที่ปรากฏพระนามอยู่ใน “จารึกแผ่นทองแดง”ของเมืองอู่ทอง
การพบจารึกแผ่นทองแดงภาษาสันสกฤตอักษรปัลลวะที่นางแถม
เสือดำ ขุดได้บริเวณเมืองอู่ทองเก่าเมื่อปีพ.ศ.๒๕๐๐ มีการแปลความออกมาว่า
“พระเจ้าศรีหรรษาวรม เป็นพระราชนัดดาของพระเจ้าศรีอีศานวรม ได้ส่งสีวิกา
อันประดับด้วยรัตนะเป็นต้น พร้อมด้วยฟ้อนรำและดนตรีเป็นอาทิ
เป็นทักษิณาถวายแด่พระศรีมัตอัมราตเกศวร
และภายหลังท้าวเธอได้ถวายของควรแก่การอุปกรณ์อันประเสริฐ
และหมู่คนมีความสามารถในฟ้อนรำและขับร้อง เป็นต้น แด่พระศิวลึงค์
ซึ่งแทนองค์ศรีธาเรศวร”
ศ.ยอร์ช
เซเดส์ เสนอว่า “พระเจ้าศรีอีศานวรม” เป็นพระนามของกษัตริย์ขอม
ที่ครองราชย์อยู่ระหว่างพ.ศ.๑๑๕๔-๑๑๗๘ หากเป็นเช่นนั้นกษัตริย์ขอมพระองค์นี้ก็คือ
“พระเจ้าอีศานวรมันที่ ๑” ซึ่งพระองค์เป็นพระราชโอรสของพระเจ้ามเหนทรวรมัน(เจ้าชายจิตรเสน)
ยอร์ช เซเดส์ ภาพจาก:วิกิพีเดีย |
พระเจ้าอีศานวรมันที่
๑ ได้ชื่อว่าเป็น “ผู้รบชนะฟูนันทั้งหมด” หลังจากโจมตี”อนินทิตะปุระ”เมืองของเจ้าชายพลทิตย์ที่สืบเชื้อสายมาจากฟูนันแล้ว
ทรงสร้างเมืองหลวงอยู่ริมแม่น้ำสตึงเสนในนาม”อีศานปุระ”ก่อนจะขยายดินแดนมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือครอบคลุมพื้นที่ ๓ รัฐคือ
จักรันตะปุระ อโมฆปุระ และพิมายปุระ ทางใต้ขยายไปถึงจันทบุรี
จนจรดพรมแดนอาณาจักรมอญทวารวดีลุ่มเจ้าพระยา ซึ่งการขยายอาณาเขตมาเพียงจรดพรมแดนของทวารวดีโดยไม่รุกล้ำเข้ามาอาจมีนัยสำคัญที่ยังไม่มีคำตอบ
แต่อาจกล่าวได้ว่าอาณาจักรเจนละหรือในสมัยนี้เรียกว่าอีศานปุระเป็นพันธมิตรกับทวารวดีลุ่มเจ้าพระยา
จากการตรวจสอบข้อมูลในงานของ
ศ.ดี.จี.อี.ฮอล นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษที่เข้ามาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังสงครามโลกครั้งที่
๑ ระบุว่า ในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๐ พระเจ้าชัยวรมันที่ ๔ ครองราชย์โดยแย่งชิงราชสมบัติ
เข้ายึดกรุงยโศธร แต่ต่อมาไปสร้างเมืองใหม่ที่เกาะแกร์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ต่อมาพระเจ้าหรรษาวรมันที่ ๒ ครองราชย์ แล้วถูกพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ ๒(พ.ศ.๑๔๘๗-๑๕๑๑)ถอดออกจากบัลลังก์
D.G.E.Hall ภาพจาก : วิกิพีเดีย |
หากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่า
พระเจ้าหรรษาวรมันที่ 2 ครองราชย์ที่เมืองเกาะแกร์ ระหว่างพ.ศ.๑๔๘๕-๑๔๘๗
อาจเป็นเพียง ๑ ปี หรือกว่า ๒ ปี แล้วถูกโค่นอำนาจ
สอดคล้องกับการพบจารึกแผ่นทองแดงบริเวณเมืองเก่าอู่ทอง ที่มีการอ่านและตีความเป็นอักษรหลังปัลลวะ
ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕
ส่วนในจารึกที่ระบุถึงการนำขบวนเสลี่ยง
นักดนตรี และนางรำ ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ให้รายละเอียดและความหมายสอดคล้องกันว่า
ลักษณะเช่นนี้ในสมัยโบราณ เป็นการแสดงถึงเจ้าผู้ครองนครหนึ่งแสดงความอ่อนน้อมไปยังอีกเจ้าผู้ครองนครหนึ่ง
ในอดีตก็มีการดำเนินการเช่นนี้ในการส่งไปราชสำนักจีน ดังเอกสารทางประวัติศาสตร์จีนสมัยสามก๊กระบุว่า
“ในปีพ.ศ.๗๖๘
พระเจ้าฟันจัน(ฟูนัน) ส่งทูตไปยังจีนโดยมีนักดนตรีเป็นส่วนหนึ่งในบรรณาการไปด้วย” และ “ปีพ.ศ.๑๓๔๓
อิเหมาชุน(I-Mou-hsun)
รัชทายาทของโก๊ะล่อฝงกษัตริย์น่านเจ้าที่ครอบครองปยู(Pyu) “ส่งนักดนตรีชาวปยูไปเป็นกำนัลยังราชสำนักจีนสมัยราชวงศ์ถัง และ “พ.ศ.๑๓๔๔-๑๓๔๕
กษัตริย์ของปยูส่งคณะทูตพร้อมด้วยนักดนตรี ๓๕ คนไปยังราชสำนักจีน” เป็นต้น.
*************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น