ท่าจีน-จรเข้สามพัน
วิญญู บุญยงค์
ทุ่งโบราณสองพี่น้องในอดีต บริเวณวัดสองพี่น้อง ภาพถ่ายเก่าจากศาลาการปรียญวัดสองพี่น้อง |
สองพี่น้อง เป็นชื่อของแหล่งย่านนามบางและผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่ราบลุ่มแอ่งกระทะโบราณ
อันเกิดจากอิทธิพลการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกที่ยุบตัวลงมานาน จนกลายเป็นแอ่งพื้นที่ลุ่มขนาดใหญ่รองรับมวลน้ำมหาศาลที่ไหลบ่ามาแต่ละปี
ในราว ๒,๐๐๐ ปี ขณะที่ทะเลได้ถอยร่นลงไปในระดับใกล้เคียงกับขอบอ่าวไทยในปัจจุบัน ประกอบกับอาจเกิดปรากฏการณ์แผ่นดินไหวหรือการยุบตัวของเปลือกโลก ส่งผลให้ป่าโบราณกลายเป็นแอ่งกระทะหรือทะเลสาบขนาดใหญ่กักเก็บน้ำที่ไหลมาจากทางตอนบนของประเทศตามเส้นทางของแม่น้ำท่าจีน
และยังมีอีกส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนหลักที่ไหลมาจากแม่น้ำแม่กลองโดยมีต้นทางจากเขตภูเขาแถบตะวันตกทั้งจากประเทศเมียนมาร์และพื้นที่ภูเขาในจังหวัดกาญจนบุรี
ทุ่งโบราณสองพี่น้องจึงดำรงอยู่ภายใต้อิทธิพลของลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง
จนเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากรน้ำและแร่ธาตุที่ถูกพัดพามากับสายน้ำ
กลายเป็นแหล่งพืชพันธุ์ธัญญาหารและสัตว์น้ำที่หล่อเลี้ยงผู้คนมายาวนาน
ทะเลข้าวในทุ่งสองพี่น้อง ภาพชินตาที่มาแต่อดีต |
การยืนยันถึงการเป็นแหล่งอาศัยของผู้คน เห็นได้จากเครื่องมือเครื่องใช้โบราณจากแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่กระจายตัวตามแนวสันขอบกระทะและพื้นที่สูงพ้นน้ำ
ด้านทิศเหนือและทิศตะวันตกพบในเขตตัวเมืองสุพรรณบุรี เมืองอู่ทอง ไปจนถึงบ้านดอนตาเพชรในเขตอำเภอพนมทวน
จังหวัดกาญจนบุรี ด้านทิศเหนือไปทางตะวันออกพบในเขตบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง
ส่วนทางตอนใต้พบในเขตพื้นที่ดอนทั้งในเขตอำเภอสองพี่น้อง ขยับร่นออกไปในเขตอำเภอกำแพงแสน
จังหวัดนครปฐม โดยเกิดจากแม่น้ำจรเข้สามพันที่ต่อเนื่องมาจากอิทธิพลของลุ่มน้ำแม่กลองจากต้นทางจังหวัดกาญจนบุรี
พื้นที่ดอนในเขตอำเภอสองพี่น้อง บริเวณวัดคลองมะดันเป็นขอบกระทะน้ำท่วมไม่ถึง |
การเป็นพื้นที่แอ่งกระทะและพื้นที่แอ่งรับน้ำจากลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง
เห็นได้จากในทุกปีราวปลายเดือนสิงหาคม(เดือน ๙ ไทย) มวลน้ำจากทางเหนือไหลลงมาตามแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วแยกตัวเข้าแม่น้ำท่าจีนบริเวณปากคลองมะขามเฒ่า
เขตจังหวัดชัยนาท แล้วไหลลงมาเข้าเขตสุพรรณบุรีผ่านอำเภอเดิมบางนางบวช สามชุก
ศรีประจันต์ เมืองสุพรรณบุรี บางปลาม้า และสองพี่น้อง
เรียกบริเวณที่น้ำไหลผ่านจังหวัดสุพรรณบุรีว่า “แม่น้ำสุพรรณ”
อีกทางหนึ่งไหลมาจากแม่น้ำจรเข้สามพัน จากต้นทางปากแม่น้ำแม่กลอง
ไหลย้อนขึ้นบริเวณเขื่อนวชิราลงกรณ์เรียกว่า “ลำน้ำทวน”
แล้วไหลจากตอนใต้ขึ้นสู่ตอนเหนือที่เรียกกันว่าสายน้ำมหัศจรรย์ ตลอดเส้นทางเรียกว่า
แม่น้ำจรเข้สามพัน มีลำน้ำสายเล็กแตกตัวแยกย่อยเป็นแพรกออกไปอีกหลายเส้นทาง
ทางแถบตะวันออก เส้นทางสายหลักลงไปทางอำเภอกำแพงแสนเขตจังหวัดนครปฐม
จนไปถึงเมืองเก่านครปฐม ถัดขึ้นมาแยกตัวทางด้านตะวันออกเช่นกันบริเวณบ้านหัววัง
ตำบลบ่อสุพรรณลงไปทางทิศใต้ของ อ.สองพี่น้องผ่านตำบลท่าไชย
ตำบลศรีสำราญ เข้าคลองมะดัน แล้วไปชนกับคลองสองพี่น้องที่บ้านบางใหญ่ฝั่งตรงข้ามวัดสองพี่น้อง
คลองสองพี่น้อง บริเวณด้านใต้ตลาดบางลี่ |
จากบริเวณบ้านหัววัง บ่อสุพรรณ
แม่น้ำจรเข้สามพันยังไหลย้อนขึ้นไปจนถึงตำบลจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง แล้วแยกตัวออกเป็นสองเส้นทาง
โดยตอนบนแยกตัวจากบริเวณเยื้องกับร.พ.อู่ทอง แตกเป็นคลองย่อยขึ้นไปถึงขอบคูเมืองโบราณอู่ทอง
ผ่านศาลเจ้าพ่อพระยาจักร วัดอู่ทอง จนไปชนกับคลองคุณฑีที่รองรับน้ำจากส่วนนี้ไหลไปตามเส้นทางลำน้ำท่าว้าออกไปยังเขตอำเภอสามชุก
จากจุดแยกคลองคุณฑีในอำเภออู่ทองน้ำยังคง ไหลลงไป ผ่านวัดยางยี่แส วัดบ้านกล้วย
และวัดไผ่ลูกนก
ส่วนเส้นทางสายล่างซึ่งเป็นสายหลักตรงจุดเยื้องกับร.พ.อู่ทอง หักขวาไปทางตะวันออก
มีชื่อเรียกตามย่านที่ผ่านเช่น คลองนาลาว คลองบางบอน ไปชนกับเส้นบนบริเวณหมู่ที่ ๕
ตำบลวัดโบสถ์ อำเภอบางปลาม้า นับจากจุดนี้เริ่มเรียกว่า “คลองสองพี่น้อง”
ผ่านลงไปในเขตอำเภอสองพี่น้อง ตามศาสนสถานรายทางเช่นวัดดอนสงวน วัดบางบอน
วัดท่าจัด วักโคกงูเห่า ตลาดบางลี่ (แหล่งการค้าชุมชนชาวจีนโบราณ)
วัดแม่พระประจักษ์(แห่งภูเขาคาร์แมล) วัดสองพี่น้อง วัดทองประดิษฐ์ วัดบางสาม
(ชุมชนตลาดเก่าแก่) จนไปชนกับแม่น้ำสุพรรณ(ท่าจีน)บริเวณตำบลบางเลน ทางตะวันออกของอำเภอสองพี่น้อง
คลองสองพี่น้องกับสภาพบ้านเรือนที่เปลี่ยนไป |
ทุ่งโบราณสองพี่น้องจึงเป็นแหล่งรับน้ำจากอิทธิพลของสองลุ่มน้ำสำคัญ เกิดกลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุน บริเวณพื้นที่ลุ่มจึงเริ่มเจิ่งนองในปลายเดือน
๙(สิงหาคม) พร้อมกับการปรับเปลี่ยนในวิถีชีวิตผู้คนที่เริ่มเขาสู่ฤดูน้ำ นับจากนี้ไปอีกนานจนถึงเดือนมีนาคม(เดือน
๔ ไทย)ของปีถัดไป
ระหว่างนี้ชาวนาจึงกลายไปเป็นชาวน้ำ คลื่นชีวิตทุกโมงยามเลื่อนไหลไปตามกลไกธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลง
มันเป็นอย่างนั้น และเป็นอย่างนั้นมา...เนิ่นนาน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น