ซุ้มกอพิมพ์ใหญ่
เนื้อตะกั่วสนิมแดง
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า
ในบรรดาพระเครื่องตระกูลเบญจภาคี พระสมเด็จฯวัดระฆัง เป็นเนื้อปูนปั้น (Stucco) ส่วนพระซุ้มกอ นางพญา ผงสุพรรณ และพระรอด เป็นพระเนื้อดินผสมมวลสารศักดิ์สิทธิ์โดยเป็นการรับรู้กันอย่างกว้าง ๆ แต่แท้ที่จริงแล้วพระเครื่องในตระกูลนี้มีทั้งการสร้างด้วยเนื้อโลหะทองคำ
เนื้อชินเงิน เนื้อชินตะกั่ว หรือแม้แต่เนื้อว่าน
ซึ่งไม่ค่อยมีการกล่าวถึงกันมากนัก
อาจเป็นเพราะมีพระเป็นจำนวนน้อยไม่เป็นที่แพร่หลาย
หรือไม่ได้รับการเผยแพร่เท่าที่ควรจึงทำให้อยู่ในความสนใจของคนทั่วไปน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
สำหรับ พระเครื่ององค์ที่นำมาลงไว้นี้
เป็นพระซุ้มกอพิมพ์ใหญ่ กรุวัดหนองพิกุล เนื้อชินตะกั่ว คือสร้างจากโลหะตะกั่วเป็นประธาน
มีส่วนผสมของปรอทที่เป็นตัวนำให้เนื้อตะกั่วแล่นเข้าแม่พิมพ์ง่ายขึ้น
จากการพิจารณาพบว่า ใช้แบบพิมพ์เดียวกับพระที่สร้างด้วยเนื้อดิน
แต่เมื่อผ่านกาลเวลามานาน
การหดตัวของเนื้อโลหะจะทำให้องค์พระมีขนาดย่อมลงกว่าพระเนื้อดินเล็กน้อย
ขณะเดียวกันรายละเอียดเส้นสายที่เป็นกนกและองค์พระก็จะยิ่งรัดตัวชัดเจนมากขึ้น
การเทเนื้อโลหะไปยังแบบแม่พิมพ์นั้น เป็นการคว่ำให้ด้านหน้าองค์พระอยู่ด้านล่าง เมื่อเทจนเต็มพื้นด้านบนจะแลดูราบเรียบ ก่อนจะค่อย ๆยุบตัวเป็นแอ่ง เนื่องจากเนื้อโลหะภายในเซ็ทตัวมากขึ้น ลักษณะของด้านหลังแบบนี้ เราจะพบเห็นได้ในพระท่ากระดานซึ่งมีอายุใกล้เคียงกัน มีการยุบตัวเป็นแอ่งเช่นกัน
จากการสังเกตด้านข้างพบว่ามีการหดตัวของเนื้อโลหะเป็นสองชั้น
จึงสันนิษฐานได้ว่าช่างผู้ทำการหล่อเทเนื้อโลหะที่ผ่านจุดหลอมละลายไปยังแม่พิมพ์สองครั้ง ในครั้งแรกเป็นการเทลงไปครึ่งแบบแม่พิมพ์เพื่อให้เนื้อโลหะไหลไปยังส่วนหน้าขององค์พระให้เต็มก่อน
จากนั้นจึงเทซ้ำอีกครั้งเพื่อเติมให้เนื้อโลหะเต็มแบบแม่พิมพ์ อาจเป็นไปได้ว่าเป็นการหล่อจำนวนมากในแต่ครั้งละ
โดยวางแม่พิมพ์เรียงติดต่อกันแล้วเทลงไปประมาณครึ่งแบบแม่พิมพ์จนครบทุกองค์
จากนั้นจึงเวียนมาเทซ้ำอีกครั้งให้เต็มนั่นเอง
สำหรับสภาพพื้นผิวของพระซุ้มกอ
เนื้อชินตะกั่วนี้ เมื่อผ่านเวลามานานหลายร้อยปี
เนื้อโลหะจะทำปฏิกิริยากับสภาพความอบอ้าวและความชื้นภายในกรุเจดีย์
จนปรอทที่เกาะกุมผิวพระเปลี่ยนสภาพเป็นดำคล้ำ ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นสนิมแดง
จากนั้นสารภายในองค์พระได้ขับตัวออกมาจนเกิดเป็นสนิมไขหุ้มสนิมแดงอีกชั้นหนึ่ง
ในพระบางองค์หากอยู่ในอุณหภูมิที่ร้อนและชื้นสูง จะมีการขับสารออกมาคลุมเนื้อพระอีกชั้นหนึ่งเรียกว่าสนิมแป้ง
ซึ่งสนิมต่าง ๆในแต่ละชั้น เป็นเสมือนปราการป้องกันองค์พระไปในตัว
พระซุ้มกอ เนื้อตะกั่วสนิมแดง
แม้จะมีมูลค่าการแลกเปลี่ยนไม่สูงมาก เนื่องจากเกิดความนิยมในพระเนื้อดินมากกว่า
แต่เป็นพระเครื่องที่ทรงคุณค่าอันเปี่ยมล้น เพราะสร้างเป็นจำนวนน้อย อีกทั้งกระบวนการสร้างโดยฤาษี
ปลุกเสกจากมหาเถระผู้ทรงอภิญญา โดยพระยาลิไททรงเป็นองค์อุปถัมภ์ จึงไม่ต้องอธิบายถึงพลังพุทธคุณ
หากมีโอกาสพบพิจารณาให้มั่นใจก่อน เพราะของปลอมก็มีแพร่ระบาดมานานแล้วนั่นเอง.
ศึกษาเพื่อการอนุรักษ์วัตถุโบราณ
........จันทร์พลูหลวง............
*********
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น