พระสมเด็จฯวัดระฆัง
อกร่อง หูยาน ฐานแซม
เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พฺรหฺมรํสี) ท่านเป็นอริยสงฆ์แห่งราชสำนักที่มีบทบาทสูงหลายด้านโดยเฉพาะด้านการศาสนาในรัตนโกสินทร์ตอนต้น
กล่าวได้ว่า มีลูกศิษย์ลูกหาทั่วเมือง
พระเครื่องของท่านจึงได้รับการออกแบบจากคนทุกกลุ่มที่มีความศรัทธาต่อท่าน
แต่ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นแบบพิมพ์ที่สวยงามนั้นเป็นแบบของหลวงสิทธิ์ หลวงวิจารณ์เจียรนัย
กลุ่มช่างหลวง หรือช่างสิบหมู่ เป็นต้น
พระสมเด็จฯวัดระฆัง พิมพ์ฐานแซม องค์นี้เป็นพิมพ์ทรงที่ได้รับการออกแบบอย่างประณีต
สันนิษฐานว่าเป็นฝีมือการแกะแม่พิมพ์จากช่างหลวง หรือช่างสิบหมู่ พิมพ์ทรงกรอบนอกเป็นสี่เหลี่ยมชิ้นฟัก
เส้นบังคับพิมพ์ปรากฏชัดนูนเด่นทั้งกรอบ
ภายในช่างได้บรรจงแกะซุ้มครอบแก้วหนาใหญ่แบบเส้นขนมจีนหรือหวายผ่าซีก
เส้นซุ้มด้านขวาองค์พระลาดเอียงกว่าด้านซ้ายเล็กน้อยตามสูตรของสมเด็จฯวัดระฆัง
ภายในซุ้มครอบแก้วช่างได้ออกแบบให้องค์พระและฐานประทับอยู่กึ่งกลาง แต่ค่อนข้างชิดไปทางซ้าย
รายละเอียดขององค์พระ
พระพักตร์(หน้า)เป็นรูปทรงมนไข่แบบสุโขทัย
พระเกศโคนใหญ่เรียวขึ้นไปเอียงซ้ายเล็กน้อยก่อนชนเส้นซุ้ม
พระหนุ(คาง)เรียวรับกับพระศอ(คอ)จรดองค์พระ
พระกรรณ(หู)ทั้งสองด้านตอนบนใหญ่แล้วค่อย
ๆเรียวลงไปจรดพระอังสา(บ่า)อันเป็นลักษณะของพระ“หูยาน”
ลำพระองค์เอียงซ้ายเล็กน้อยเส้นสังฆาฏิพาดเป็นเส้นคู่จากพระอุระ(อก)ลงไปชนพระหัตถ์เป็นลักษณะของ
“อกร่อง” ลำพระองค์ทั้งสองด้านผายออก
พระพาหา(ไหล่-แขนท่อนบน)หักลงแบบโค้งเล็กน้อย
วงพระกร(แขนท่อนล่าง)ทั้งสองด้านบรรจบกันตรงกลาง
พระพาหาและวงพระกรด้านขวาแลดูหนากว่าด้านซ้าย ส่วนของพระเพลา(ตัก)
พระชานุขวากลมมนใหญ่กว่าด้านซ้าย พระชงฆ์(แข้ง)ส่วนบนเว้าลงรับกับวงพระกร
ส่วนล่างเป็นเส้นตรง
ฐานทั้ง ๓ ชั้น จากชั้นที่๑
เป็นฐานเส้นคู่หรือฐานร่อง ปลายทั้งสองด้านยาวเกือบชนเส้นซุ้ม
เหนือขึ้นไปเป็นฐานชั้นที่ ๒ วางตัวแบบเว้าลงเล็กน้อยปลายฐานทั้งสองด้านปรากฏขาโต๊ะลาง
ๆ ฐานชั้นที่๓ ใหญ่และยาวกว่าฐานที่ ๒ เล็กน้อย ระหว่างฐานที่ ๓ กับพระเพลา
ปรากฏเส้นเรียวยาวปลายแหลมคั่นอยู่ เช่นเดียวกับระหว่างฐานชั้นที่ ๓ กับชั้นที่ ๒
ก็ปรากฏเส้นนี้เช่นกันแต่สั้นกว่า ลักษณะนี้เรียกกันว่าเป็นแบบพิมพ์ของ “ฐานแซม”
สำหรับพื้นผนังโดยรวม
ด้านนอกที่อยู่ระหว่างเส้นบังคับพิมพ์กับเส้นซุ้มครอบแก้วสูงกว่าพื้นผนังภายในซุ้มเล็กน้อย
ด้านหลังเป็นแบบหลังเรียบ
พระสมเด็จฯวัดระฆัง
พิมพ์ฐานแซมที่เป็นลักษณะนี้คนสมัยก่อนเรียกกันว่า “อกร่อง หูยาน ฐานแซม”
เป็นคำที่ฟังแล้วแลดูขลังและเห็นภาพชัดเจน พระสมเด็จฯองค์นี้เป็นพระที่ไม่เคยผ่านการนำมาคล้องบูชา
แต่ได้รับการรักษาไว้อย่างภายในตู้เซพโบราณ องค์พระจึงอยู่สภาพเดิม
โดยเฉพาะผิวที่คราบแป้งกลืนลงไปในเนื้อพระอย่างแนบสนิททั้งองค์
เป็นลักษณะที่เรียกว่า”ผิวยังไม่เปิด”
เนื่องจากเป็นพระที่ผ่านการสร้างมานาน
เอกลักษณ์ที่สำคัญคือส่วนของเส้นซุ้ม พระพาหา ตลอดจนวงพระกร บริเวณที่เป็นส่วนสูงตั้งชันจะหดตัวจากด้านในม้วนเข้าไปใต้แนวเส้น
ผิวขององค์พระทั้งองค์ปรากฏคราบน้ำมันตังอิ้วขึ้นมาประปราย ทั้งบริเวณใต้วงพระกรกับพระชานุซ้าย
ร่องฐาน เส้นแซม ขอบมุมซ้ายขวา และจุดอื่น
ๆกระจายอยู่ทั่วไป ส่วนด้านหลังองค์พระ จะเห็นได้มากบริเวณขอบมุมบนขวา
และจากส่วนกลางลงมาล่าง พื้นผิวโดยรวมทั้งองค์มีร่องรอยตามธรรมชาติครบถ้วน
รวมถึงการกระจายตัวของมวลสารละเอียดที่เป็นจุดดำแดงส้มก็เป็นไปอย่างสมดุล
นอกจากนั้น ด้านหลังของพระสมเด็จฯองค์นี้ เป็นการปาดจากบนลงล่าง
มีร่องรอยคลื่นตื้น ๆให้เห็นอยู่บ้าง ขอบพระถูกตัดแบบเข้าหาตัวผู้ตัด จึงปรากฏรอยแนวเฉียงลงของขอบทุกด้าน
จัดเป็นพระสมเด็จฯวัดระฆังอีกองค์หนึ่งที่มีความสมบูรณ์ตั้งแต่แบบแม่พิมพ์
กระบวนการกดพิมพ์ การตาก
และการเก็บรักษามาเป็นอย่างดีครับ.
ร่วมกันศึกษาเพื่อการอนุรักษ์วัตถุโบราณ
.............จันทร์พลูหลวง................
*********
ข้อมูลประกอบบทความ
-หนังสือ “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี)
: ผู้ทรงคุณวิเศษเมตตามหาบารมี”.2554.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น