พระสมเด็จฯสองคลอง
สมเด็จฯวัดระฆังพิมพ์ใหญ่บรรจุกรุวัดบางขุนพรหม
พระสมเด็จฯวัดบางขุนพรหม ถือกำเนิดขึ้นในคราวที่เสมียนตราด้วง(ต้นตระกูลธนโกเศศ)
ซึ่งเป็นโยมอุปัฏฐากของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พฺรหฺมรํสี)มาแต่เดิม ได้มาบูรณะวัดบางขุนพรหมใน(ภายหลังรู้จักกันในชื่อ
วัดใหม่อมตรส) ซึ่งมีสภาพเป็นวัดร้าง และโอกาสเดียวกันได้สร้างพระเจดีย์เพื่อเป็นพุทธบูชา
ภายหลังการสร้างพระเจดีย์แล้วเสร็จ เสมียนตราด้วงจึงอาราธนาต่อเจ้าประคุณสมเด็จฯ ให้สร้างพระผงสมเด็จฯมาบรรจุไว้เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา
หลังจากเจ้าประคุณสมเด็จฯทราบวัตถุประสงค์ของโยมอุปัฏฐากแล้วก็ได้อนุโมทนา
ซึ่งขรัวตาคำ แห่งวัดอัมรินทราราม(บางหว้าน้อย)ได้บันทึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า
“ท่านโตจึงได้เรียกขรัวตาพลอยมาถามว่า
พระที่ทำแจกมีเหลือบ้างหรือเปล่า ถ้ามีให้เอาไปบรรจุในเจดีย์ให้หมด
ขรัวตาพลอยบอกว่ามีแต่ไม่มาก ท่านโตบอกให้นายด้วงหาเปลือกหอยกาบมามาก ๆ
เอามาเผาแล้วตำให้ละเอียดเป็นผงปูนเปลือกหอย
แล้วเอาแม่พิมพ์ที่เหลืออยู่จากวัดระฆัง วัดบางขุนพรหมนอก และวัดอื่น
ๆมาเพื่อกดพิมพ์ ต่อมาอีกหนึ่งเดือน
นายด้วงก็ได้นิมนต์และกราบเรียนว่าของทุกอย่างได้จัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
ขรัวตาคำ วัดอินทราราม (บางหว้าน้อย)
นั่งอยู่ทางด้านซ้ายเจ้าประคุณสมเด็จฯ
พระเครื่องเนื้อผงตำรับเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต
พฺรหฺมรํสี) ที่นำมาบรรจุในพระเจดีย์วัดบางขุนพรหมใน จึงมีพระสมเด็จฯที่เจ้าประคุณสมเด็จฯสร้างไว้ก่อนหน้านี้
อาทิ พระสมเด็จฯวัดระฆัง พระสมเด็จฯเกศไชโย พระสมเด็จเนื้อตะกั่วถ้ำชา และอื่น
ๆอีกเป็นส่วนหนึ่งไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด
กับพระที่สร้างขึ้นใหม่โดยใช้เนื้อหลักเป็นเปลือกหอยกาบเผาผสมด้วยมวลสารผงวิเศษ ๕
ประการ ประกอบด้วยผงอิธะเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงพุทธคุณ และผงตรีนิสิงเห
รวมกับมวลสารศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆอีกหลายประการ ส่วนแม่พิมพ์ก็มีอยู่ด้วยกันหลายแบบ เพราะรวบรวมมาจากวัดต่าง
ๆที่เจ้าประคุณสมเด็จฯสร้างพระพิมพ์ไว้
ด้านหน้าองค์พระปรากฏคราบกรุปกคลุมรอยคราบน้ำมันตั้งอิ้วที่ระเหิดขึ้นมาจากความร้อนภายในกรุ
จนทำให้องค์พระเปลี่ยนเป็นคราบน้ำตาล แต่ส่วนที่ถูกสัมผัสจะเห็นเนื้อเดิมออกขาวหม่นมีมวลสารกระจายทั่วไป
ด้านหลังองค์พระปรากฏคราบเข้มอ่อนไม่สม่ำเสมอ
มีรอยครูดเกิดจากการปาดด้านหลัง
บางแห่งมีหลุมแอ่งเกิดจากการหลุดร่วงและหดตัวของมวลสารตามธรรมชาติที่ผ่านกาลเวลา
การพิจารณาพระสมเด็จฯกรุวัดบางขุนพรหม จึงควรพิจารณาแยกเป็น
๒ ส่วนหลักก่อน
คือเป็นพระสมเด็จฯวัดระฆังที่นำมาบรรจุกรุหรือเรียกกันว่า“พระสองคลอง”
และเป็นพระสมเด็จฯที่สร้างขึ้นใหม่ในเวลานั้น หากเป็นพระสมเด็จฯวัดระฆัง
ให้พิจารณารูปทรงเป็นอย่างวัดระฆัง เนื้อพระจะแกร่งและแข็ง
ผิวองค์พระมีคราบอันเกิดจากความร้อนความชื้นภายในองค์พระเจดีย์เคลือบแน่นสนิท
ส่วนพระสมเด็จฯที่สร้างขึ้นใหม่เนื้อพระจะฝ่าฟ่ามเปราะ
ผิวองค์พระจะถูกความร้อนขับน้ำมันตั้งอิ้วที่เป็นส่วนผสมให้ออกมาเป็นเม็ดผดขนาดเล็กไม่สม่ำเสมอ
ขณะเดียวกันก็ถูกคราบกรุปกคลุมซ้อนทับเข้าไปอีกชั้น
บางองค์จึงมีลักษณะเป็นฟองเต้าหูอย่างที่นิยมเรียกกัน
พระสมเด็จฯสองคลอง องค์ที่นำมาถ่ายทอดไว้คราวนี้
เป็นพระสมเด็จฯวัดระฆังพิมพ์ใหญ่กรุเก่าที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พฺรหฺมรํสี)
ให้ขรัวตาพลอยรวบรวมมาเพื่อให้ครบจำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ตามพระธรรมขันธ์ ปัจจุบันพระสมเด็จฯสองคลองไม่ค่อยเป็นที่คุ้นตาเหมือนสมัยก่อน
เนื่องจากส่วนหนึ่งถูกเก็บเข้ากรุของผู้มีฐานะแบบถาวร อีกส่วนถูกนำไปล้างคราบกรุออกตามกระบวนการของแต่ละคนและถูกแลกเปลี่ยนออกไปเป็นสมเด็จฯวัดระฆัง
เนื่องจากมีมูลค่าความต้องการสูงกว่านั่นเอง.
สมเด็จฯโต...อริยสงฆ์สยาม
........จันทร์พลูหลวง..........
*********
ข้อมูลประกอบบทความ
-หนังสือ “สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี):ผู้ทรงคุณวิเศษเมตตามาบารมี”.2554.
พระทุกแบบที่บรรจุอยู่ภายในกรุเจดีย์วัดบางขุนพรหมก็คือพระที่นำมาจากวัดระฆังทั้งหมดมาใส่ไว้น่นเอง..แต่ภายหลังกรุน้ำท่วมทำให้พระถูกน้ำปูนกัดบางองค์สีเปลี่ยนไปจากเดิมบางองค์เปลี่ยนน้อยหรือไม่เปลี่ยนเลย
ตอบลบพระทุกแบบที่บรรจุอยู่ภายในกรุเจดีย์วัดบางขุนพรหมก็คือพระที่นำมาจากวัดระฆังทั้งหมดมาใส่ไว้น่นเอง..แต่ภายหลังกรุน้ำท่วมทำให้พระถูกน้ำปูนกัดบางองค์สีเปลี่ยนไปจากเดิมบางองค์เปลี่ยนน้อยหรือไม่เปลี่ยนเลย
ตอบลบ