พระซุ้มกอ กรุทุ่งเศรษฐี
พระซุ้มกอ เป็นพระเครื่องในตระกูลพระกำแพงเพชร มีประวัติความเป็นมาชัดเจนจากต้นทางในจารึกใบเสมา หรือที่เรียกกันว่า จารึกหลักที่
๓ นครชุม พบที่วัดพระบรมธาตุ อำเภอเมืองกำแพงเพชร ระบุข้อความว่า “...พญาลิไท
ได้ประดิษฐานพระศรีรัตนมหาธาตุและได้ปลูกพระศรีมหาโพธิซึ่งได้มาจากลังกาทวีป...”(1)
เมื่อปีพุทธศักราช ๑๙๐๐
ส่วนการพบพระบรมธาตุ และพระเครื่องต่าง
ๆภายในบริเวณนี้ ปฐมบทเกิดจากเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พฺรหฺมรํสี)ขณะมีพระชนม์ได้
๖๑พรรษา เดินทางมาเยี่ยมญาติที่เมืองกำแพงเพชร เมื่อปีระกาเอกศก จุลศักราช ๑๒๑๑
ตรงกับปีพ.ศ.๒๓๙๒ ในเอกสารประวัติเจ้าเมืองกำแพงเพชรครั้งรัชกาลที่๑-๕(2)
ระบุไว้ตอนหนึ่งว่า ในคราวนั้นเจ้าประคุณสมเด็จฯได้มาร่วมงานปลงศพท่านผู้หญิงแพง
ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าของท่าน เสร็จแล้วก็ไปยังที่ต่าง ๆจนถึงวัดเสด็จ
ท่านสังเกตเห็นจอมปลวกอยู่บริเวณมณฑปพระพุทธบาทจึงยืนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้นจึงสั่งให้คนขุดไปที่จอมปลวกก็พบเสมาจารึก เมื่ออ่านและแปลข้อความจารึกจึงสดับว่ามีพระธาตุอยู่ฝั่งตะวันตก
จึงรวบรวมผู้คนถากถางพื้นที่บริเวณดังกล่าวจึงพบซากปรักของพระเจดีย์โบราณ ๓ องค์ ในจำนวนนี้พระเจดีย์องค์กลางมีขนาดใหญ่ที่สุด
ในครั้งนั้นกระเหรี่ยงแซงพอหรือพญาตะก่า
คหบดีชาวกระเหรี่ยงที่ร่ำรวยจากสัมปทานไม้สักในกำแพงเพชร
ได้ขออนุญาตรื้อพระเจดีย์ทั้งสามองค์ แล้วสร้างพระเจดีย์ทรงมอญองค์ใหญ่ขึ้นแทน
แต่ยังไม่แล้วดีก็ถึงแก่กรรมเสียก่อน ต่อมาพะโป้ น้องชายพญาตะก่า
ผู้ได้รับผลประโยชน์มากมายจากสัมปทานเช่นกันจึงขอบูรณะต่อจนแล้วเสร็จ
ด้านหน้าพระซุ้มกอ
พิมพ์ใหญ่ มีกนก
พระพักตร์กดพิมพ์ติดชัด พระเนตรสองชั้นไม่พบบ่อยนัก
ในการรื้ออิฐเก่าและบูรณะพระเจดีย์ขึ้นใหม่ พบพระบรมธาตุ
ในพระเจดีย์องค์กลาง พร้อมพระเครื่องอยู่มากมายทั่วบริเวณ รวมถึงจารึกลานเงิน ข้อความระบุถึงมูลเหตุการสร้างพระเครื่อง
ซึ่งสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงนำตำนานที่นายชิด มหาดเล็กเวร
คัดลอกไว้มาลงในเสด็จประพาสต้นครั้งที่ ๒ มีข้อความว่า
“ตำบลเมืองพิษณุโลก เมืองกำแพงเพชร เมืองพิชัยสงคราม เมืองพิจิตร
เมืองสุพรรณบุรี ว่ายังมีฤาษี ๑๑ ตน
ฤาษีเป็นใหญ่สามตน ตนหนึ่งฤาษีพิลาไลย
ตนหนึ่งฤาษีตาไฟ ตนหนึ่งฤาษีตางัว เป็นประธานแก่ฤาษีทั้งหลาย จึงปรึกษากันว่า เราท่านทั้งนี้ จะเอาอะไรให้แก่พระยาศรีธรรมาโศกราช
ฤาษีทั้งสาม จึงว่าแก่ฤาษีทั้งปวงว่า เราจะทำด้วยฤทธิ์ ทำด้วยเครื่องประดิษฐานเงินทอง
ไว้ฉะนี้ฉลองพระองค์ จึงทำเป็นเมฆพัด
อุทุมพร เป็นมฤตย์พิศม์ อายุวัฒนะ พระฤาษี ประดิษฐานในถ้ำเหวน้อยใหญ่
เป็นอานุภาพแก่มนุษย์ทั้งหลายสมณชีพราหมณาจารย์เจ้าไปถ้วน ๕๐๐๐ พระพรรษา ฤาษีตนหนึ่งจึงว่าแก่ฤาษีทั้งหลายว่า
ท่านจงไปเอาว่านทั้งหลาย อันมีฤทธิ์เอามาได้สัก ๑๐๐๐
เก็บเอาเกสรไม้อันวิเศษที่มีกฤษณาเป็นอาทิให้ได้ ๑๐๐๐ ครั้นเสร็จแล้ว ฤาษีจึงป่าวร้องเทวดาทั้งปวงให้ช่วยกันบดยาทำเป็นพระพิมพ์ไว้สถานหนึ่ง
เมฆพัดสถานหนึ่ง
ฤาษีทั้งสามองค์จึงให้ฤาษีทั้งปวง ให้เอาว่านทำเป็นผง เป็นก้อนประดิษฐาน
ด้วยมนตร์คาถาทั้งปวงให้ประสิทธิทุกอัน จึงให้ฤาษีทั้งนั้นเอาเกสรและว่านมาประสมกันดี
เป็นพระให้ประสิทธิแล้ว
ด้วยเนาวหรคุณ
ประดิษฐานไว้บนเจดีย์อันหนึ่งถ้าผู้ใดถวายพระพรแล้วจึงเอาไว้ใช้ตามอานุภาพเถิด ให้ระลึกถึงคุณพระฤาษีที่ทำไว้นั้นเถิด”(3)
ด้านหลังเรียบ
ปรากฏรอยยุบตามกาลเวลา
ประปรายด้วยราคำและว่านดอกมะขาม
ในจำนวนพระเครื่องที่พบนั้น
มีอยู่มากมายหลายพิมพ์ทรง เดิมพิมพ์ลีลา หรือที่เรียกกันว่า กำแพงเม็ดขนุน
ได้รับความนิยมมาก ต่อมาเมื่อตรียัมปวาย (พ.อ.(พิเศษ)ประจน กิตติประวัติ) จัดอันดับให้พระซุ้มกอพิมพ์ใหญ่เป็นหนึ่งในพระชุดเบญจภาคี
ความนิยมในพระซุ้มกอจึงมีมากกว่าพระลีลาเม็ดขนุน
พระซุ้มกอ และพระกำแพงเพชรแบบพิมพ์ต่าง
ๆ ไม่ได้มีเพียงกรุวัดบรมธาตุเท่านั้น
หากแต่วัดใกล้เคียงกันในบริเวณที่เรียกว่าทุ่งเศรษฐีก็มีอยู่ด้วยกันหลายวัด
ตั้งแต่วัดพระบรมธาตุ วัดหนองพิกุล วัดฤาษี วัดซุ้มกอ วัดบ้านเศรษฐี วัดน้อย วัดหนองลังกา
วัดเจดีย์กลางทุ่ง และวัดหัวยาง ทั้ง ๙ วัดนี้ได้รับความนิยมทั้งหมด
ด้วยเหตุผลที่อยู่บริเวณแหล่งย่านอันเป็นชื่อมงคล”ทุ่งเศรษฐี” และเป็นสถานที่ที่พบจารึกลานเงินนั่นเอง
คราบกรุและราดำแสดงถึงการไม่ผ่านการใช้
เอกลักษณ์ของพระซุ้มกอ ทุ่งเศรษฐี
เป็นพระที่ใช้เนื้อหลักเป็นดินทุ่งเศรษฐี ผสมกับว่านรวมทั้งเกสรมงคลนานัปการ จึงทำให้เนื้อละเอียดนุ่ม
ในพระที่ไม่ผ่านการใช้เนื้อจะแห้งสนิทมีราดำเกาะติดทั่วทั้งองค์ โดยเฉพาะบริเวณที่ไม่ถูกสัมผัสเช่น ตามซอกต่าง ๆ จะเห็นราดำทั่วทุกซอก ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่นำมาพิจารณา
ที่สำคัญราดำที่ว่ามองแล้วต้องไม่เป็นปื้น แต่จะเป็นลักษณะจุดเล็ก
ๆมาเกาะรวมกันและมีมิติที่สูงกว่าพื้นผิวเล็กน้อย ไม่แนบสนิทเหมือนนำหมึกไปทา หากเนื้อพระสัมผัสกับน้ำจะแห้งอย่างรวดเร็ว และส่งกลิ่นหอมอบอวลอยู่นาน
ซอกพระพาหาลึก การกระจุกและกระจายตัวของราดำมีมิติ ไม่ราบเรียบ
อย่างไรก็ดี
หากต้องการเสาะหาพระซุ้มกอไปบูชา ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นพระซุ้มในกรุทุ่งเศรษฐีเพียงอย่างเดียว
เพราะนอกกรุทุ่งเศรษฐีที่เรียกว่า กรุเมืองกำแพงเพชร หรือบริเวณฝั่งอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
ก็มีพระซุ้มกอขึ้นด้วยกันหลายกรุ เช่น วัดพระแก้ว วัดอาวาสใหญ่ วัดอาวาสน้อย
วัดช้างล้อม วัดสี่อิริยาบถ วัดช้าง วัดเชิงหวาย วัดกำแพงงาม วัดกะโลทัย วัดพระธาตุ
วัดนาคเจ็ดเศียร และวัดพระนอน เป็นต้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็มีคุณสมบัติเหมือนกันทุกประการ
เพราะเป็นพระที่สร้างขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันนั่นเอง.
ศึกษาอนุรักษ์วัตถุโบราณ
.....จันทร์พลูหลวง.....
**********
อ้างอิง
(1)จารึกนครชุม.ฐานข้อมูลจารึกในประเทศไทย.ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินทร(องค์การมหาชน).
(2)ใบบอกเมืองกำแพงเพชร.http://sunti-apairach.com/06N/06NZX.htm
(3)จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ, “เสด็จประพาสต้นในรัชกาลที่5,”
D-Library | National Library of Thailand, accessed 27 พฤษภาคม
2018, http://164.115.27.97/digital/items/show/941
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น