พระซุ้มกอดำ พิมพ์ใหญ่
ตามปกติพระตระกูลกำแพงเพชรที่พบกันอยู่ทั่วไป
มีเนื้อหลักอยู่ ๒ สี คือ สีแดง และสีดำ และเมื่อเอ่ยถึงพระซุ้มกอดำจะคิดไปถึงพระซุ้มกอที่ไม่มีกนก
เหตุผลก็เพราะส่วนใหญ่แล้วพระกำแพงซุ้มกอที่ไม่มีกนกมักเป็นสีดำ
แต่ในความเป็นจริงมีทั้งสีดำและสีแดงอิฐ
เช่นเดียวกับพระพิมพ์ที่มีกนกก็มีทั้งสองสีนี้อยู่ด้วยเช่นกัน
รวมถึงยังมีสีแยกย่อยออกไปอีกหลายโทน
พระกำแพงพิมพ์ซุ้มกอสีดำที่นำมาลงไว้นี้
เป็นพระพิมพ์ใหญ่ นิยม มีความแตกต่างไปจากพระซุ้มกอมีกนกอย่างสิ้นเชิงทั้งองค์พระปฏิมาและรายละเอียดในพิมพ์ทรง
จัดเป็นพุทธศิลป์เชียงแสนที่มีต้นเค้าค่อนไปทางลังกาตามศิลปะโปโลนนารุวะ ด้วยเหตุที่ในรัชสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท
ทรงอาราธนาพระสงฆ์จากลังกาเข้ามา จึงคาดว่าอิทธิพลของศิลปะจะเข้ามาทางนี้ในรัชสมัยของพระองค์
พระซุ้มกอดำ
พบพร้อมกับพระซุ้มกอมีกนกและพระกำแพงพิมพ์อื่น ๆ
จากกรุพระบรมธาตุ ตั้งแต่คราวที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พฺรหฺมรํสี)
มากำแพงเพชรในปีพ.ศ.๒๓๙๒ และต่อมาพบอีกหลายกรุในบริเวณทุ่งเศรษฐี
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งของวัดสายอรัญญิก หรือวัดที่เน้นไปทางวิปัสสนากรรมฐาน
การที่พระกำแพงซุ้มกอดำมีพุทธศิลป์แบบเชียงแสนลังกาวงศ์ องค์พระประธานจึงได้รับการออกแบบให้ผึ่งผายใหญ่ล่ำ
เหนือพระเศียรเป็นรัศมีตั้งขอบขึ้นแล้วลาดเอียงเข้าหาพระพักตร์
เช่นเดียวกับขอบด้านนอกทุกส่วนลาดเอียงเข้าหาองค์พระเช่นกัน
พุทธลักษณ์โดยรวม พระเกศทรงดอกบัวตูม ลงมาเป็นพระเมาลี พระเศียร และหน้ากระจัง พระพักตร์เกลี้ยงกลมมนทรงไข่ พระอังสา(บ่า)แผ่กว้าง พระอุระกว้างสอบลง
ลำพระองค์ทั้งสองด้านเฉียงออกเล็กน้อยชนกับผนังใน พระพาหา(ไหล่-แขนท่อนบน)หนาคล้ายมีกล้าม
วางผายออก ถัดไปเป็นวงพระกร(แขนท่อนล่าง)ลดขนาดลงแต่มีความหนาเช่นกัน
ก่อนเป็นพระหัตถ์นูนเด่นกลางพระองค์เหนือพระเพลา ประทับนั่งแบบขัดสมาธิราบบนฐานเขียง ความโดดเด่นของพระซุ้มกอดำ
จึงอยู่ที่รายละเอียดของพระประธานที่มีความสง่างามจากการออกแบบให้เป็นนูนต่ำในตำแหน่งกึ่งกลางเหนือผนังโดยรอบ
เมื่อพิจารณาสภาพผิวสีดำของพระซุ้มกอแล้ว
พบว่าไม่เป็นสีดำสนิท หากแต่ดำหม่นปนเทา ซึ่งน่าจะเกิดจากการคลายตัวของน้ำว่านมงคลบางชนิดออกมาเคลือบองค์พระ
ในพระซุ้มกอดำบางองค์ที่พบหากสภาพสึกจะเห็นเนื้อในแห้งคล้ายสีกะลา
ดังนั้นสีดำที่เห็นจึงน่าจะเป็นสีจากปฏิกิริยาทางธรรมชาติ ส่วนเนื้อพระซุ้มกอดำเป็นพระเนื้อละเอียดและแน่น พื้นผิวโดยรวมมองดูเรียบ
แต่หากใช้กล้องส่องดูก็จะพบความเหี่ยวทั้งเป็นริ้วและขรุขระทั่วทั้งองค์
นอกจากนั้นบริเวณที่เป็นส่วนลึกเช่นซอกพระพาหา จะพบราดำเกาะตัวเหนือคราบกรุน้ำตาล
นอกจากพระซุ้มกอดำ พิมพ์ใหญ่แล้ว
ยังมีขนาดกลางอีกพิมพ์หนึ่ง ก็ได้รับความนิยมเช่นกัน
นอกจากนั้นยังพบในพระซุ้มกอขนาดเล็กที่ด้านหลังเป็นพิมพ์พระปางเปิดโลก
และแบบหลังก้นหอย อาจมีน้อยจึงไม่ค่อยได้รับความนิยม
แต่หากมีโอกาสพบและพิจารณาสภาพธรรมชาติเป็นแบบเดียวกันก็จะถือว่าโชคดี เพราะไม่ว่าจะเป็นพระพิมพ์แบบใด นิยมหรือไม่
แต่เป็นพระที่สร้างขึ้นในเวลาเดียวกัน มีอายุความเก่าเท่ากัน โดยเฉพาะพุทธคุณด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม และคงกระพัน มีเหมือนกันทุกประการ นั่นเองครับ.
ร่วมกันศึกษาเพื่อการอนุรักษ์วัตถุโบราณ
.............จันทร์พลูหลวง................
*********
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น