เหรียญหลวงพ่อทา
วัดพะเนียงแตก รุ่น
๒
หลวงพ่อทา โสณุตฺตโร วัดพะเนียงแตก จังหวัดนครปฐม เป็นพระอริยสงฆ์ต้นรัตนโกสินทร์
เกิดเมื่อปีพ.ศ.๒๓๖๖ มีอายุยืนนานถึง ๙๖ ปี ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สุดท้ายที่
"พระครูอุตรการบดี" ดำรงตำแหน่ง "เจ้าคณะแขวงรองเมืองนครไชยศรี และพระอุปัชฌาย์ทางตอนเหนือขององค์พระปฐมเจดีย์ในสมัยรัชกาลที่
๕
หลวงพ่อทา ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในวัตรปฏิบัติ
รอบรู้ในปริยัติธรรม วิปัสสนา กัมมัฏฐาน ทั้งคาถาอาคม และมนตรา เล่ากันสืบเนื่องมาว่า
สมัยก่อนพวกนักเลงเสือร้ายชุกชุม มักจะชอบมารวมตัวกันในงานวัด
ดังคราวหนึ่งวัดพะเนียงแตกสมัยนั้นยังมีชื่อว่าวัดปทุมคงคามีงานประจำปี
บรรดานักเลงเกิดมีเรื่องวิวาทกัน
หลวงพ่อทาจึงเดินไปเอามือปิดกระบอกพลุขณะที่มีผู้จุดชนวนไว้ ปรากฏว่าพลุระเบิดคากระบอก แต่หลวงพ่อทากลับไม่เป็นอะไร เหล่าเสือร้ายนักเลงเถื่อนจึงต่างยอมศิโรราบและเกรงกลัวท่านมาก
ถึงกับขนานนาม “หลวงพ่อเสือ” แต่นั้นมาวัดนี้ก็ถูกเรียกขานเป็น วัดพะเนียงแตก
หลวงพ่อทา เป็นพระแห่งราชสำนักจึงเข้าร่วมพระราชพิธีครั้งสำคัญเสมอมา เป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระพุทะเจ้าหลวง
รัชกาลที่ ๕ เป็นอย่างมาก ท่านมีอายุอยู่ร่วมสมัยกับพระอริยสงฆ์องค์สำคัญหลายรูป
ที่อาวุโสกว่าท่านก็เห็นจะเป็น เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พฺรหฺรํสี)
วัดระฆัง ธนบุรี สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๘ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ชลบุรี หลวงพ่อเงิน
วัดบางคลาน พิจิตร หลวงปู่จีน วัดท่าลาด ฉะเชิงเทรา หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้
นครปฐม และหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง นนทบุรี
ส่วนพระอริยสงฆ์ที่มีอายุรุ่นคราวเดียวหรือใกล้เคียงกับท่าน
องค์สำคัญ และเป็นที่รู้จักกันดีได้แก่ หลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน กาญจนบุรี
และหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย สมุทรปราการ เป็นต้น ส่วนพระชั้นศิษย์ได้แก่
หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม หลวงพ่อวงษ์ วัดทุ่งผักกูด นครปฐม หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก สุพรรณบุรี และหลวงพ่อเที่ยง
วัดม่วงชุม กาญจนบุรี
วัตถุมงคลที่หลวงพ่อทา
ได้สร้างไว้มีทั้งพระเครื่อง และเครื่องรางของขลัง
ปัจจุบันใครมีต่างก็เก็บรักษาไว้อย่างหวงแหน
ส่วนใครที่ยังไม่มีต่างก็พยายามไขว่คว้าให้ได้
แต่ถึงทุกวันนี้หากจะได้มาก็ต้องแลกเปลี่ยนด้วยมูลค่าที่สูงมาก พระเครื่องที่ท่านสร้างเป็นเหรียญหล่อรุ่นแรก ออกที่วัดบางหลวง ในราวปีพ.ศ.๒๔๔๐
ซึ่งครั้งหนึ่งท่านเคยเป็นเจ้าอาวาสอยู่นั่น และสร้างอีกครั้งเป็นเหรียญหล่อรุ่น ๒
ที่วัดพะเนียงแตก นอกจากนั้นยังมีพระปิดตามหาอุตม์ และเครื่องรางต่าง
ๆอีกเป็นจำนวนมาก
สำหรับเหรียญหล่อที่นำมาลงไว้นี้
เป็นเหรียญหล่อรุ่น ๒ ออกที่วัดพะเนียงแตก ในราวปีพ.ศ.๒๔๕๐ ห่างจากเหรียญหล่อรุ่นแรกราว
๑๐ ปี เหรียญรุ่นนี้มีทั้งแบบหูในตัวและไม่มีหู ในที่นี่เป็นแบบหูในตัว เป็นเหรียญหล่อรูปทรงชะลูดคล้ายห้าเหลี่ยมตอนบนขยักเป็นซุ้มมีหูในตัว
ด้านในมีเส้นซุ้มอีกชั้นวิ่งขนานตามแนวซุ้มนอก ด้านบนจึงมีลักษณะคล้ายประภามณฑล องค์พระประทับนั่งขัดสมาธิเพชร
บนฐานสองชั้น ด้านหลังเป็นเส้นซุ้มเช่นเดียวกับด้านหน้า
ตรงกลางเป็นอักขระขอม “อุ” และ “มิ”
เหรียญหล่อรุ่น ๒
สร้างแบบการหล่อโบราณจากเบ้าประกบหน้าหลัง เนื้อโลหะทองผสม บางองค์แก่ทองคำ พื้นรอบองค์พระด้านหน้า และรอบตัวอักขระด้านหลัง
ไม่ราบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย ในพระที่ไม่ผ่านการใช้จะปรากฏคราบขึ้นมาปกคลุม
วรรณะภายนอกจึงคล้ำไปทางน้ำตาลเข้ม อาจมีสนิมเขียวแซมประปราย
แต่หากถูกสัมผัสมือจะเกิดความมันวาวขึ้นมาอันเป็นธรรมชาติของพระโบราณอายุกว่า ๑๐๐
ปี นอกจากนั้นทุกส่วนขององค์พระแม้จะมีรอยขรุขระมากน้อยเพียงใด
แต่จะไม่มีความคมเกิดขึ้นเลย
เมื่อสัมผัสเหรียญหล่อจะค่อนข้างลื่นมือจากการคลายตัวของสารโลหะในเนื้อพระที่ออกมาคลุมองค์พระนั่นเอง
ลักษณะนี้จึงคล้ายกับพระสมเด็จฯที่มีการคลายตัวของน้ำมันตังอิ้ว
นอกจากนี้หากใช้กล้องส่องที่มีกำลังขยายสูงจะพบว่าพื้นผิวทุกส่วนของเหรียญหล่อมีรอยยุบย่นขรุขระอยู่ทุกอณู
ในทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า “การแลกเปลี่ยนอิเลคตรอนระหว่างเนื้อโลหะกับธาตุอากาศ”
จึงทำให้เกิดลักษณะพื้นผิวอย่างนี้
ปัจจุบัน เหรียญหล่อรุ่น ๒
ของหลวงพ่อทา ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก บางท่านให้ความสำคัญมากกว่าเหรียญรุ่นแรก
ด้วยเหตุที่เหรียญรุ่นนี้สร้างที่วัดพะเนียงแตกเป็นครั้งแรกโดยตรง
จึงเรียกกันว่าเป็นเหรียญรุ่นแรกของวัดพะเนียงแตก และด้วยความนิยมที่ทวีมากขึ้นตามลำดับ
จึงมีการสร้างเลียนแบบออกมาเป็นจำนวนมาก ผู้สนใจจึงควรศึกษาข้อมูลจากแหล่งต่าง
ๆด้วยตนเอง ทั้งจากตำรา และผู้ที่มีความรอบรู้เชื่อใจได้ จึงจะมีโอกาสครอบครองพระเครื่องอันทรงคุณค่า
ที่หลวงพ่อทาได้มอบไว้เป็นสมบัติทางพุทธศาสนาแก่ลูกหลานในวันนี้ครับ.
ศึกษาเพื่อการอนุรักษ์วัตถุโบราณ
..........จันทร์พลูหลวง..........
*********
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น